5 อุตสาหกรรม สู่โอกาสในการสร้างความยั่งยืนและลดต้นทุนด้วย Net Zero

Net Zero, สถานีชาร์จ EV, net zero emissions คือ, ระบบ chiller, ESG

ในอดีต “พลังงาน” คือภาระต้นทุนที่ธุรกิจจำต้องยอมรับ แต่ในวันนี้หลายองค์กรเริ่มมองใหม่ว่า พลังงานคือสิ่งที่ “บริหารจัดการได้” และสามารถใช้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อผสานเข้ากับแนวคิด Net Zero ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แนวทาง Net Zero Solutions ที่ออกแบบอย่างเหมาะสมกับแต่ละอุตสาหกรรม ช่วยให้องค์กรลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมกับลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่การใช้พลังงานสะอาด ไปจนถึงการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสอดคล้องกับเทรนด์โลกด้าน ESG และความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่

 

5 อุตสาหกรรมที่ควรเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดต้นทุน

1. อุตสาหกรรมการผลิต: ลดต้นทุนพลังงานที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน

โรงงานอุตสาหกรรมเป็นผู้ใช้พลังงานรายใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะโรงงานที่เดินเครื่องจักรตลอด 24 ชั่วโมง ต้นทุนพลังงานมักคิดเป็น 5-30% ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยในอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ซีเมนต์ เหล็ก และเคมีภัณฑ์ ซึ่งต้นทุนพลังงานอาจสูงถึง 30%  ของต้นทุนรวม การติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบครบวงจรจึงช่วยลดค่าไฟฟ้าได้อย่างชัดเจน ขณะที่การใช้ Chiller อัจฉริยะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็นที่เป็นหัวใจของกระบวนการผลิต

องค์กรสามารถยกระดับให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น ด้วยการวางแผนและติดตามผลลัพธ์ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษาด้าน Net Zero 

2. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม: รักษาคุณภาพพร้อมลดคาร์บอน

ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มต้องใช้พลังงานทั้งในกระบวนการผลิตและรักษาอุณหภูมิอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันก็เผชิญแรงกดดันจากผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่ผลิตอย่างยั่งยืน การติดตั้งระบบทำความเย็นจากส่วนกลาง (Chiller) อัจฉริยะที่มีระบบ AI จะสามารถควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ ช่วยลดการใช้พลังงานในระบบปรับอากาศซึ่งเป็นระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานสูงในอุตสาหกรรม อีกทั้งการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน (แบตเตอรี่) ก็จะทำให้เพิ่มเสถียรภาพในการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้อย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้การเริ่มต้นด้วยการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (Carbon Footprint of Organization หรือ CFO) จะช่วยให้องค์กรรับรู้แหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ รวมถึงเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง อันจะนำไปสู่การวางแผนการลดใช้พลังงานที่สมจริงและนำไปปฏิบัติได้ (Practical) 

นอกจากนั้นการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product หรือ CFP) จะช่วยให้องค์กรรับทราบถึงต้นเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อค่าฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์นั้นๆ ซึ่งอาจเป็นกระบวนการผลิตที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ ใช้พลังงานหรือวัตถุดิบมากเกินความจำเป็น ดังนั้น การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทั้งแบบองค์กรและแบบผลิตภัณฑ์ จะส่งผลให้การจัดทำแผน Net Zero มีความเหมาะสมกับระบบของแต่ละโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ธุรกิจโรงแรมและห้างสรรพสินค้า: เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินพร้อมลดต้นทุน

ธุรกิจโรงแรมและห้างสรรพสินค้าเป็นอุตสาหกรรมที่มีค่าไฟฟ้าสูงจากระบบปรับอากาศและแสงสว่างตลอดทั้งวัน ทำให้ต้องใช้พลังงานที่สูงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่ลูกค้ายุคใหม่ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจกลุ่มนี้คือการติดตั้งระบบทำความเย็นจากส่วนกลาง หรือ Chiller อัจฉริยะ ที่ใช้ AI ควบคุมอุณหภูมิเพื่อความสบายสูงสุดแต่ใช้พลังงานน้อยที่สุด ติดตั้งสถานีชาร์จ EVเพื่อเพิ่มบริการพรีเมียมและดึงดูดลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ยังสามารถติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แบบครบวงจรเพื่อช่วยลดและบริหารต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าได้อีกด้วย 

4. ศูนย์ข้อมูล (Data Center): ลดต้นทุนพลังงานมหาศาล

ศูนย์ข้อมูล (Data Center) เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล ที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด มีความต้องการพลังงานสูง ด้วยปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก AI, Cloud Computing และ Big Data ทำให้ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่กระแส Green Data Center กำลังเติบโตทั่วโลกตามความต้องการของลูกค้าองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน (แบตเตอรี่)  ไปพร้อมกับการติดตั้งระบบทำความเย็นจากส่วนกลาง (Chiller) อัจฉริยะ จะสามารถลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี 

5. ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์: ลดทั้งต้นทุนเชื้อเพลิงและคาร์บอน

ต้นทุนค่าน้ำมันและค่าบำรุงรักษารถยนต์เป็นภาระหลักของธุรกิจขนส่ง การเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (EV Fleet) พร้อมสถานีชาร์จและระบบบริหารจัดการฟลีทรถแบบดิจิทัล ช่วยลดต้นทุนลงอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ธุรกิจเข้าสู่การลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างเป็นรูปธรรม

 

บริการ Net Zero Solutions ครบวงจรจากบ้านปู เน็กซ์

บ้านปู เน็กซ์ ในฐานะผู้ให้บริการ Net Zero Solutions ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นำเสนอโซลูชันพลังงานสะอาดแบบครบวงจร ที่ครอบคลุมการลดการปล่อยคาร์บอนทั้งสามขอบเขต (Scope 1, 2 และ 3) พร้อมสนับสนุนองค์กรในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้เร็วขึ้นควบคู่ไปกับการลดต้นทุนด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยมีบริการหลักดังนี้

  • บริการให้คำปรึกษาและวางแผนกลุยทธ์เพื่อบรรลุ Net Zero แบบครบวงจร

ให้คำปรึกษาและสนับสนุนองค์กรในการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ ออกแบบแผน Net Zero พัฒนาโซลูชันลดคาร์บอน ส่งเสริมการจัดทำและจำหน่ายคาร์บอนเครดิต ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง พร้อมแนะนำด้านการสื่อสารและ ESG Rating เพื่อผลักดันองค์กรสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืน

  • บริการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แบบครบวงจร

ออกแบบและติดตั้งโซลาร์เซลล์แบบครบวงจรในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) โซลาร์บนหลังคาลานจอดรถ (Solar Carport) หรือโซลาร์ลอยน้ำ (Solar Floating) พร้อมระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มติดตามการผลิตไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ บริการหลังการขายตลอด 24 ชั่วโมง และลูกค้ายังสามารถตรวจสอบการทำงานของระบบผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือได้อีกด้วย

  • บริการติดตั้งระบบ Chiller อัจฉริยะ

เพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็นด้วยระบบทำความเย็นส่วนกลาง (Chiller) ที่ใช้สารทำความเย็นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคุมด้วย AI ตามความต้องการ ลดการใช้พลังงานโดยไม่กระทบคุณภาพสินค้า

  • บริการ EV Fleet Solutions ครบวงจร

เสริมความยั่งยืนด้านขนส่งด้วยบริการบริการเช่าซื้อ เช่าใช้ และลีสซิ่งรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว (Commercial EV Fleet Leasing), สถานีชาร์จความเร็วสูง รองรับรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ทุกประเภท (EV Fleet Station) และดิจิทัลแพลตฟอร์มบริหารจัดการฟลีทด้วย AI ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

 

เริ่มต้นประหยัดต้นทุนพร้อมลดคาร์บอนวันนี้!

ติดต่อเรา – Banpu NEXT

 

อ้างอิง :

 

#บ้านปูเน็กซ์ #พิชิตNetZero #NetZeroเพื่อธุรกิจ #BanpuNEXT #NetZeroSolutions