การเริ่มต้นลดคาร์บอนโดยไร้ทิศทางอาจทำให้ธุรกิจเสียทั้งเงินและเวลา ในขณะที่หลายองค์กรกำลังเร่งผลักดันนโยบายความยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อสหภาพยุโรปประกาศใช้ CBAM เก็บภาษีคาร์บอนสินค้านำเข้าในปี 2026 การวิเคราะห์คาร์บอนฟุตพรินท์อย่างเป็นระบบจึงไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นความจำเป็น ที่จะช่วยให้องค์กรระบุจุดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ กำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้ และเลือกใช้โซลูชันที่คุ้มค่าที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการลงทุนที่สูญเปล่าหรือใช้งบประมาณผิดจุด
ขั้นตอนที่ 1: ประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์ของคุณ
ก่อนที่จะเริ่มลดคาร์บอน คุณต้องรู้ก่อนว่าองค์กรของคุณปล่อยคาร์บอนฟุตพรินท์ในปริมาณเท่าไรและมาจากแหล่งใดบ้าง การประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์ที่ครบถ้วนจะครอบคลุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้ง 3 ขอบเขต (Scope)
- Scope 1 – การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิต หรือการใช้รถยนต์ในกิจการ
- Scope 2 – การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน เช่น การซื้อไฟฟ้า ไอน้ำ หรือความร้อนจากภายนอก
- Scope 3 – การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ ตลอดซัพพลายเชน เช่น วัตถุดิบ การขนส่ง การใช้ผลิตภัณฑ์ และการกำจัดของเสีย
เมื่อเก็บข้อมูลแล้ว คุณควรจัดทำบัญชีคาร์บอนฟุตพรินท์ (Carbon Footprint Inventory) ที่แสดงให้เห็นแหล่งปล่อยคาร์บอนหลักและปริมาณการปล่อยในแต่ละกิจกรรม ซึ่งจะเป็นข้อมูลพื้นฐานสำคัญ (baseline) ที่ใช้ในการวางแผนลดคาร์บอนและวัดความสำเร็จต่อไป
ข้อแนะนำ: ใช้มาตรฐานในระดับประเทศในการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ได้แก่ แนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) หรือใช้มาตรสากลที่ได้รับการยอมรับในหลากหลายประเทศ เช่น เช่น GHG Protocol หรือ ISO 14064-1 เพื่อให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือและเปรียบเทียบได้
ขั้นตอนที่ 2: กำหนดเป้าหมายการลดคาร์บอน
การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการลดคาร์บอนฟุตพรินท์ เป้าหมายที่ดีควรมีลักษณะ SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร
ปัจจุบัน หลายองค์กรมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมทั้งหมดให้เหลือศูนย์ โดยแบ่งเป้าหมายออกเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เช่น
- ระยะสั้น (1-2 ปี) – ลดการใช้พลังงานลง 10% เทียบกับปีฐาน
- ระยะกลาง (3-5 ปี) – ใช้พลังงานหมุนเวียน 50% ของการใช้พลังงานทั้งหมด
- ระยะยาว (10-30 ปี) – บรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050
ข้อแนะนำ: พิจารณาตั้งเป้าหมายตามแนวทาง Science-Based Targets initiative (SBTi) ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศและความตกลงปารีส
ขั้นตอนที่ 3: ค้นหาโอกาสในการลดคาร์บอน
หลังจากที่ทราบแหล่งปล่อยคาร์บอนหลักแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการค้นหาโอกาสในการลดคาร์บอน โดยเริ่มจากแหล่งที่มีการปล่อยมากที่สุดก่อน โอกาสในการลดคาร์บอนฟุตพรินท์มีหลายวิธี เช่น
การลดการใช้พลังงาน
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและกระบวนการผลิต
- ติดตั้งระบบควบคุมอัตโนมัติเพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น
- อัปเกรดอุปกรณ์เป็นรุ่นประหยัดพลังงาน
การเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด
- ติดตั้งระบบพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงานหรืออาคาร
- จัดซื้อไฟฟ้าสีเขียวผ่านสัญญาซื้อขายพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy PPA)
- ซื้อใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates: RECs)
การปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน
- เลือกซัพพลายเออร์ที่มีนโยบายด้านความยั่งยืน และมีผลการดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกชัดเจน
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์
- เปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบที่มีคาร์บอนฟุตพรินท์ต่ำ
การชดเชยคาร์บอน
- ลงทุนในโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนอกองค์กร
- ซื้อคาร์บอนเครดิต จากโครงการที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานของประเทศไทยหรือสากล
- สนับสนุนโครงการปลูกป่าหรือฟื้นฟูระบบนิเวศ
คาร์บอนเครดิต คือ อะไร? คาร์บอนเครดิต คือ สิทธิที่ได้จากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือการดูดซับก๊าซเรือนกระจกที่สามารถวัดปริมาณได้ โดย 1 คาร์บอนเครดิต เท่ากับการลดการปล่อยหรือดูดซับก๊าซเรือนกระจก 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า องค์กรสามารถซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ไม่สามารถลดได้ในกระบวนการดำเนินงาน (Residual emission) นับเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการเดินทางสู่เป้าหมาย Net Zero
ข้อแนะนำ: จัดลำดับความสำคัญของมาตรการลดคาร์บอนโดยใช้การวิเคราะห์ต้นทุนต่อประสิทธิผล (Cost-effectiveness Analysis) เพื่อให้การลงทุนเกิดประโยชน์สูงสุด
ขั้นตอนที่ 4: สร้างแผนการดำเนินงาน
การสร้างแผนการดำเนินงานที่ครอบคลุมและเป็นรูปธรรมจะช่วยให้องค์กรสามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายการลดคาร์บอนได้อย่างเป็นระบบ แผนการดำเนินงานที่ดีควรประกอบด้วย
- กิจกรรมหรือโครงการที่ชัดเจน – ระบุมาตรการลดคาร์บอนที่จะดำเนินการ
- ผู้รับผิดชอบ – กำหนดทีมงานหรือบุคคลที่รับผิดชอบแต่ละกิจกรรม
- ทรัพยากรที่ต้องใช้ – ระบุงบประมาณ บุคลากร และทรัพยากรอื่นๆ ที่จำเป็น
- กรอบเวลา – กำหนดระยะเวลาดำเนินการและเส้นตายของแต่ละกิจกรรม
- ตัวชี้วัดความสำเร็จ – กำหนด KPIs ที่ใช้วัดความสำเร็จของแต่ละกิจกรรม
- การประเมินความเสี่ยง – ระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและแผนรับมือ
นอกจากนี้ การสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกระดับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้แผนการลดคาร์บอนประสบความสำเร็จ ดังนั้น ควรมีการสื่อสารและฝึกอบรมเพื่อให้ทุกคนเข้าใจและร่วมมือในการดำเนินการตามแผน
ข้อแนะนำ: บูรณาการแผนการลดคาร์บอนเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจหลักขององค์กร เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ขั้นตอนที่ 5: ติดตามความคืบหน้าและปรับแผน
การติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอนฟุตพรินท์ องค์กรควรจัดให้มี
- ระบบการติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจก – ติดตามการปล่อยคาร์บอนอย่างต่อเนื่องและเปรียบเทียบกับปีฐาน
- การรายงานความคืบหน้า – จัดทำรายงานความคืบหน้าเป็นระยะเพื่อแสดงถึงความสำเร็จและความท้าทาย
- การทบทวนและปรับแผน – ทบทวนแผนการดำเนินงานเป็นประจำและปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
- การเรียนรู้และพัฒนา – นำบทเรียนและประสบการณ์มาพัฒนาปรับปรุงแผนการลดคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง
ข้อแนะนำ: พิจารณาใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลคาร์บอนฟุตพรินท์ เพื่อช่วยในการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริการ Net Zero Advisory จากบ้านปู เน็กซ์ แบบครบวงจร
บ้านปู เน็กซ์ พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ระยะยาวในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ด้วยบริการให้คำปรึกษาและวางแผนกลุยทธ์เพื่อบรรลุ Net Zero โดยผู้เชี่ยวชาญ (Net Zero Advisory ) เพื่อช่วยให้ธุรกิจลดการปล่อย CO2 ครอบคลุมทั้งสามขอบเขตในทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน
- คำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก – กำหนดขอบเขต รวบรวมข้อมูล และคำนวณตามตามมาตรฐาน GHG Protocol , ISO 14064 และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) พร้อมประเมินเป้าหมาย Net Zero
- ออกแบบแผนงาน Net Zero – ช่วยองค์กรกำหนดเป้าหมายและวางแผนการลดคาร์บอนที่เหมาะสม
- พัฒนาโซลูชันที่ลดการปล่อยคาร์บอนและขายคาร์บอนเครดิต – ดำเนินโครงการลดการปล่อยคาร์บอน ลดการใช้พลังงาน และโครงการคาร์บอนเครดิต รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมของห่วงโซ่อุปทานและการปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อเพื่อให้เกิดความยั่งยืนการจัดทำรายงานความยั่งยืน
- ติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง – วัดผลการปล่อยคาร์บอนในทุกขอบเขตด้วยซอฟต์แวร์อัจฉริยะ
- สื่อสารความยั่งยืนเพื่อยกระดับ ESG Rating – ให้คำแนะนำด้านการเปิดเผยข้อมูลเพื่อประเมินความยั่งยืนโดย FTSE Russell, Carbon Disclosure Project (CDP), MSCI Index, S&P หรือ ESG Rating อื่นๆ รวมถึงการจัดทำรายงานความยั่งยืน เพื่อสื่อสารความก้าวหน้าสู่ Net Zero กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ก้าวสู่ความยั่งยืนไปด้วยกัน! ลดคาร์บอนกับบ้านปู เน็กซ์ วันนี้
ติดต่อบ้านปู เน็กซ์ เพื่อรับคำปรึกษาด้านการวิเคราะห์และวางแผนลดคาร์บอนฟุตพรินท์อย่างมืออาชีพ พร้อมโซลูชันพลังงานสะอาดครบวงจรที่จะช่วยให้องค์กรของคุณก้าวสู่ความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม
อ้างอิง :
- https://hub.mnre.go.th/th/knowledge/detail/65393
- https://www.ecohedge.com/blog/5-steps-to-develop-a-carbon-reduction-plan/
#บ้านปูเน็กซ์ #พิชิตNetZero #ลดคาร์บอนฟุตพรินท์ #BanpuNEXT #NetZeroSolutions #คาร์บอนเครดิต